จับโกหกลูกให้ลูกวิธี

สดชื่นตัวเปียกกันไปแล้วสำหรับวันสงกรานต์ เมื่อวานอาจารย์ไปดูเขาเล่น (ฉีด) น้ำวันสงกรานต์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แค่ยืนดูเฉยๆจากทางเชื่อมข้างบนก็สนุกไปด้วยเหมือนกัน
พูดถึงการฉีดน้ำเล่นวันสงกรานต์ทีไร ก็นึกถึงเด็กชายวัย 8 ขวบคนนี้ทุกที
คุณพ่อมาปรึกษาด้วยปัญหาลูกพูดโกหก
เรื่องมีอยู่ว่าฉีดน้ำวันสงกรานต์ไม่พอ เจ้าหนูคนนี้เข้าไปในห้องน้ำและตั้งต้นเอาฝักบัวฉีดๆๆ
คุณพ่อสงสัยว่าทำไมลูกอยู่ในห้องน้ำนานอย่างนั้น จึงเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าผนังห้องน้ำสี่ด้าน ทั้งฝ้าเพดานเปียกไปหมด ลูกชายนั้นตัวเปียกโชก คุณพ่อถามว่าใครทำห้องเปียกอย่างนี้? ทั้งๆที่มือถือฝักบัวอยู่ แต่เจ้าหนูกลับตอบว่า “ไม่รู้ครับ”
คุณพ่อบอกว่า “อย่ามาโกหกพ่อนะว่าไม่รู้ ตัวเราเองน่ะทำ แล้วไม่ยอมรับความจริง”
เด็กน้อยถูกลงโทษไปตามระเบียบ
ส่วนคุณพ่อก็มาที่คลินิค ถามว่า ทำไมลูกพูดโกหก? และจะแก้นิสัยโกหกได้อย่างไร?
จริงๆแล้ว เคสนี้คุณพ่อเองนั่นแหละที่ทำให้ลูกพูดโกหก
วิธีถามของพ่อ มันเหมือนจัดฉากหรือสร้างสถานการณ์ให้ลูกต้องโกหก
ถ้าเพียงแต่คุณพ่อจะพูดว่า “ลูกทำห้องน้ำเปียกอย่างนี้ไม่ได้นะ ทีหลังถ้าจะเล่นก็ฉีดแค่ผนัง อย่าฉีดให้ถึงเพดาน”
พูดแบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า (พ่อรู้ทันว่า) ลูกนั่นแหละเป็นคนทำ ทั้งจะได้สอนลูกไปด้วยว่าอะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้
เด็กเล็กที่อายุไม่ถึง 10 ปี ส่วนใหญ่ไม่ได้มีสันดานโกหก แต่ที่โกหกก็เพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ
เด็กเล็กๆ ยังไม่ค่อยมีความกล้าหาญเท่าไหร่ พ่อแม่จะต้องค่อยๆสร้างมันขึ้นมา โดยแยกให้ชัดระหว่างความผิดที่ได้ทำไปแล้วกับการกล้ายอมรับความจริงว่าตนได้ทำอะไรลงไป สำหรับเรื่องแรก ต้องได้รับโทษ (และก็ต้องมีความกล้าหาญพอเพราะพ่อแม่ไม่ได้ลงโทษถึงตาย แค่เจ็บนิดหน่อยหรือถูกตัดสิทธิ์พิเศษอะไรบางอย่างเท่านั้น)
สำหรับเรื่องหลัง ถ้ากล้าพูดความจริงก็ควรมีรางวัลของความกล้าหาญ ถ้าไม่กล้าพูดความจริงก็ต้องมีบทลงโทษอีกหนึ่งกระทง
ข้อแนะนำนี้ใช้สำหรับเด็กชั้นประถมนะคะ ถ้าเป็นเด็กมัธยมที่โกหกบ่อยๆและมีปัญหาพฤติกรรมอื่นร่วมด้วย คุณควรจะต้องพาไปพบจิตแพทย์ เพราะหากทิ้งไว้จะกลายเป็นปัญหารุนแรงได้
ศึกษาเรื่องการสร้างคุณลักษณะที่ดีในตัวลูกได้ที่ คอร์สออนไลน์ เลี้ยงลูกใหม่ปั้นให้ดี