อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นหุ่นยนต์!

อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นหุ่นยนต์เด็ก รู้จักหุ่นยนต์เด็กไหมคะ?
เมืองไทยมีหุ่นยนต์เด็กเยอะมาก นั่งเฉยๆ ไม่ยอมทำอะไร ต้องคอยกดปุ่มและออกคำสั่งว่า
อาบน้ำซะ….
กินข้าวได้แล้ว….
ทำการบ้านเร็วๆ…….
เข้านอนได้แล้ว…..
หากไม่ออกคำสั่งว่าต้องทำอะไร หุ่นยนต์เด็กตัวนี้ก็จะนั่งตาลอย แบบสมองว่างเปล่า จนคนรอบตัวทนไม่ได้ ต้องมากดปุ่มให้ยืนขึ้น และออกคำสั่ง กำกับว่า ให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา บางทีก็ไม่สั่ง แต่ไปจัดการทำงานแทนหุ่นยนต์ซะเอง
หุ่นยนต์เด็กเกิดจากอะไร?
คำตอบก็คือ
- พ่อแม่ทำทุกอย่างแทนเด็ก เด็กเองไม่ต้องทำอะไรเลย ก็เลยเกิดความคาดหวังว่า ฉันแค่นั่งเฉยๆก็พอแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมาจัดการ และบริการ ทำทุกสิ่งให้ฉันในที่สุด
- พ่อแม่กำกับมากเกินไป โดยเฉพาะแม่ สั่งได้ทุกเรื่อง กำกับทุกเรื่อง ทำให้เด็กเกิดความเคยชินรอฟังคำสั่งท่าเดียว ไม่มีการริเริ่มทำอะไรด้วยตนเอง พูดให้เท่ๆ ก็คือ ขาด self-initiation และขาด self-motivation นั่นเอง
พ่อแม่ของหุ่นยนต์เด็กมักอธิบายพฤติกรรมของตนว่า เพราะเป็นห่วงลูก กลัวจะทำได้ไม่ดี ทำไม่ได้ครบถ้วน ลูกทำช้า ไม่ทันใจเลยต้องทำแทน บางทีก็เพราะกลัวลูกลำบาก ….โอ๊ย! มีเหตุผลสารพัด
จะบอกให้รู้ว่า หุ่นยนต์เด็กเป็นอะไรที่อันตรายมาก เพราะในที่สุด ก็จะเติบโตเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่คิดเองไม่เป็น แก้ปัญหาเองไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้ ขาดความเชื่อมั่น ขาดแรงจูงใจ ใช้ศักยภาพได้ไม่เต็มที่ พออายุมากขึ้นก็จะกลายเป็นโรควิตกกังวลหรือซึมเศร้า
หากใครรู้จักหุ่นยนต์เด็กละก็ ช่วยบอกคุณพ่อคุณแม่ของหุ่นยนต์ทีว่า ลูกเป็นคน กรุณาอย่าเลี้ยงให้เป็นหุ่นยนต์ ❗️
หากไม่อยากให้ลูกเป็นหุ่นยนต์ ก็หันมาตั้งต้นใหม่ ใจแข็ง หัดให้ลูกทำเอง ไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือทุกอย่าง อย่ากำกับมากเกินไป และไม่ต้องทำทุกอย่างสมบูรณ์แบบหรือรวดเร็วทันใจมากนัก
แรกๆ ที่พ่อแม่ทำการปฏิวัติ หุ่นยนต์อาจโมโหอาละวาด หรือนั่งแช่นานขึ้น แต่ให้ท่องคาถานี้ไว้นะคะ
“ใจแข็ง ใจแข็ง ใจแข็ง ใจแข็ง” แล้วจะดีเอง อาจารย์หมออุมาพรรับประกัน
อย่าลืมว่า ยิ่งไปทำให้ เด็กก็จะยิ่งไม่ทำเอง นะจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้พ่อแม่ทุกท่านค่ะ ❤️
ถ้าคุณไม่อยากเลี้ยงลูกให้เป็นหุ่นยนต์
แนะนำอ่านหนังสือ “สร้างวินัยให้ลูกคุณ” และเรียนบทเรียนออนไลน์ “เลี้ยงลูกใหม่ ปั้นให้ดี”