16 ข้อ ป้องกันฝันร้ายจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศในลูกสาว (ลูกชายด้วย)

สะเทือนใจกับข่าวการเสียชีวิตของแอร์โฮสเตสและนางงามชาวฟิลิปปินส์ ที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเธอถูกละเมิดทางเพศ (gang rape) ฝันร้ายแบบนี้ขอถาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้นกับใครเลย….
ในฐานะที่อาจารย์เคยดูแลผู้ที่ถูกละเมิดทางเพศทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาก่อน เคยเป็นที่ปรึกษาของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กในการดูแลเด็กที่ถูกละเมิด
เคยทำงานวิจัยเรื่องการละเมิดทางเพศในเด็กขององค์การสหประชาชาติ ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ละเมิดหลายแบบที่เกิดขึ้น จึงขอเขียนโพสต์นี้เพื่อให้พ่อแม่มีความรู้ เพราะการละเมิดทางเพศนี้เราสามารถป้องกันได้ไม่มากก็น้อย ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำ
16 ข้อแนะนำเพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศในลูกสาวและลูกชาย
กรุณาเลือกให้เหมาะกับอายุของลูกค่ะ
1 ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่ลูก
ถามว่าเพศศึกษาควรเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไหร่? คำตอบคือเดี๋ยวนี้เด็กโตเร็วเข้าวัยรุ่นเร็วและรู้มากกว่าที่พ่อแม่จะคาดคิด แนะนำว่า ประมาณ 10 ปีก็น่าจะเริ่มคุยกับลูกอย่างจริงจัง อาจจะประเมินก่อนว่าลูกรู้อะไรบ้างแล้วก็เริ่มจากตรงนั้น
2 คุยกับลูกเรื่องอื่นๆด้วย เช่น เรื่องการดื่มสุรา แอลกอฮอล์หรือยาเสพติด
เพื่อให้ลูกรู้ทันโลกรอบตัว และรู้ทันเพื่อน ไม่ใช่เป็นคน innocent ที่อ่อนต่อโลกไม่รู้เรื่องอะไรเลย การคุยอาจเริ่มต้นโดยการให้ข้อมูลที่เป็นความรู้ หรืออาจจะหยิบยกเอาเรื่องราวในข่าวมาเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้
3 เวลาคุยกัน อย่าทำให้ลูกกลัว และอย่าใช้คำพูดที่ทำให้ลูกรู้สึกถูกตัดสินว่า แก่แดดหรือรู้มากไป
4 ชวนให้ลูกเล่าประสบการณ์ของลูกหรือของเพื่อนๆ ที่ลูกรับรู้มา
เพื่อจะได้เข้าใจมุมมองของลูกและเข้าใจโลกของวัยรุ่น
5 อย่าลงโทษลูกสำหรับสิ่งที่ลูกเล่าให้ฟัง
เช่น หากลูกเล่าว่าเคยจิบเหล้า ก็อย่าสติแตก ดุด่าหรือลงโทษ มิฉะนั้นลูกจะไม่เล่าอะไรให้คุณฟังอีก
6 สอนลูกว่าร่างกายเป็นของส่วนตัว (private) ไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครจะจับต้องได้
และแม้แต่หมอ ถ้าจะขอตรวจร่างกายลูก พ่อแม่ก็จะต้องอยู่ด้วย
7 สอนให้ลูกแยกแยะระหว่างการสัมผัสที่เป็นไปในทางเพศ (sexual touch) กับการสัมผัสที่ไม่มีอะไร (nonsexual touch)
เด็กบางคนคิดว่าการสัมผัสทุกอย่าง ok แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ถ้าคุณสอนให้ลูกรู้จักแยกแยะ ลูกก็จะได้ระวัง
8 สอนลูกว่าต้องรู้จักกำหนดขอบเขต (boundary) ว่าอะไร ที่บุคคลอื่นจะทำได้และอะไรที่ไม่ควรทำ
9 สิ่งสำคัญก็คือต้องกล้าปฏิเสธ
ต้องกล้าบอกว่า “ไม่” “มันโอเคถ้าจะเซย์โน” (ชอบภาษาอังกฤษประโยคนี้ “It’s ok to say “No!”.) และในแง่นี้คุณก็ควรยอมรับการตัดสินใจของลูกด้วยตัวอย่างเช่น บางทีลูกอาจจะไม่อยากกอดญาติบางคนหรือให้ญาติคนใดมากอดเขา คุณก็ควรจะต้องยอมรับการตัดสินใจของเขา
10 ข้อมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญ นั่นคือ กว่าร้อยละ 90 ของการละเมิดทางเพศ ผู้กระทำเป็นผู้ที่เด็กรู้จักและเป็นการยากที่จะดูหน้าแล้วรู้ว่าใครจะเป็นผู้ร้าย
ดังนั้น ลูกจะต้องรู้จักระวังแต่ไม่ต้องถึงกับระแวง (เล่าสถิตินี้ให้ลูกฟังก็ดี มันมาจากงานวิจัยทั่วโลก และที่อาจารย์ทำในเมืองไทยด้วย)
11 อย่าไว้ใจเพื่อนมากเกินไป
ความเป็นเพื่อนมีหลายระดับ บางคนเป็นแค่คนรู้จัก บางคนเป็นเพื่อนกิน บางคนเป็นเพื่อนตาย หลายคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนอาจจะไม่ใช่เพื่อนในความหมายที่แท้จริง (เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกเพื่อนสนิทชวนไปร่วมงานวันเกิดที่บ้าน พอไปถึงก็เจอเพื่อนผู้ชายทั้งร่วมห้องและต่างห้องรออยู่ 4 คน ผลก็คือเด็กถูกข่มขืนโดยเพื่อนทั้ง 4 คนนั่นเองและเพื่อนผู้หญิงที่ชวนนั้นก็หายตัวไป)
12 อย่าให้ลูกสาวไปค้างบ้านใคร
หากคุณไม่รู้จักพ่อแม่บ้านนั้นดี ในกรณีที่ลูกดื้อ ก็ต้องใช้อำนาจปกครองที่มีอยู่และบอกอย่างหนักแน่นว่าไม่อนุญาต ถ้าลูกจะร้องไห้จะประท้วงก็ปล่อยไป สักพักก็จะสงบลงและจะเข้าใจ (ถ้าคุณดูแลเขาดี รับฟังเขาในเรื่องอื่นๆ ลูกก็จะเข้าใจเหตุผลของคุณในที่สุด)
13 เวลาไปงานปาร์ตี้ก็ต้องระวัง
โดยอยู่เป็นกลุ่ม อย่าแยกตัวออกไปตามลำพัง อย่ารับเครื่องดื่มจากคนที่ไม่คุ้นเคย (ถ้าเป็นคนแปลกหน้าแล้วก็ปฏิเสธเสียเลย) ถือแก้วของตัวเองเอาไว้ ถ้าเป็นงานปาร์ตี้ใหญ่ๆ ที่มีคนเยอะ ดื่มจากขวดที่มีฝาปิดจะดีที่สุด ใครจะว่าเราช่างระแวงก็อย่าแคร์ (อาจารย์ในคณะแพทยศาสตร์ท่านหนึ่งสอนลูกว่าเวลาไปกับเพื่อน อย่าดื่มเครื่องดื่มที่เพื่อนผู้ชายหยิบให้ จงหาเครื่องดื่มเอง)
14 อย่าระวังลูกแบบไข่ในหิน
เพราะจะทำให้ลูกอยากลอง มีเคสที่พ่อแม่ระวังลูกมากเกินไป ไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนเองบ้าง หรือแม้แต่ไปกับเพื่อน จนลูกสาวกระหายหาอิสรภาพมาก แอบหนีไปผับกับเพื่อนรุ่นพี่ แล้วในที่สุดเธอก็ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมยานอนหลับ และสลบไสลไป…. (คงไม่ต้องเล่าตอนจบ) เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วกับครอบครัวดีๆ ที่รักลูกดังแก้วตาดวงใจและดูแลลูกอย่างดีเยี่ยม
15 ที่สำคัญเวลาลูกเล่าอะไรให้แม่ฟัง แม่ต้องตั้งใจฟัง
เด็กสาวหลายคนไม่กล้าเล่าให้แม่ฟังว่าเคยถูกพี่ชาย ถูกลุงน้าอาและแม้กระทั่งพ่อของตัวเองละเมิด เพราะกลัวแม่จะหาว่าโกหก (“ถ้าแม่หาว่าหนูโกหกแล้ว ชีวิตของหนูจะเหลืออะไร!” นี่คือคำอธิบายที่เด็กบอกอาจารย์ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เล่าให้แม่ฟัง) อ่านเพิ่มเติมเรื่องสร้างชีวิตใหม่เพื่อเข้าใจโลกภายในของลูกและตัวคุณรวมถึง สร้างEQให้ลูกคุณ เพื่อจะได้เข้าใจอารมณ์และโค้ชลูกได้