ความสำคัญของการมองอนาคตเชิงบวก (optimism)

เช้านี้ได้อ่านงานวิจัยอันหนึ่งที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับ optimism เลยอยากเล่าให้ฟัง
Optimism หรือ การมองอนาคตในเชิงบวก
เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อชีวิตของคนเรา มันทำให้เรามีความหวัง ตั้งเป้าหมาย มีความมานะพยายามเพื่อทำให้เป้านั้นสำเร็จ และอดทนกับความยากลำบากได้
งานวิจัยนี้ทำในสหรัฐอเมริกา ในแม่และเด็กอายุ 8- 12 ปี จำนวน 81 คู่ พบว่าแม่ที่ควบคุมลูกในระดับกลางลูกจะมี optimism อยู่ในระดับสูงที่สุด แต่แม่ที่ควบคุมมากไปหรือน้อยไป ลูกจะมี optimism ในระดับต่ำ
การควบคุมระดับกลาง หมายถึง การมีกฎระเบียบและข้อห้ามในแบบที่พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป การอนุญาตให้เด็กลองสิ่งใหม่ๆ บ้าง และหัดเลือกด้วยตนเอง เช่นเลือกเพื่อนที่จะคบ หรือเลือกกิจกรรมพิเศษที่อยากทำด้วยตนเอง
แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ งานวิจัยนี้พบว่า การควบคุมที่มากเกินไป ไม่เพียงทำให้ลูกมี optimism อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น แต่ยังทำให้มีอาการซึมเศร้าอีกด้วย
วันก่อนเจอเด็ก 2 คนที่พ่อแม่ควบคุมน้อยไป เด็กผู้ชายมาด้วยเรื่องอาละวาด ไม่ยอมเรียนหนังสือ เด็กผู้หญิง มาด้วยเรื่องขี้โมโห ตวาดแม่ด้วยคำหยาบ
สัปดาห์ก่อนเจอวัยรุ่นซึมเศร้า รายนี้แม่ควบคุมมากไป คอยสั่ง คอยจู้จี้ทุกเรื่อง จนกลายเป็น “หนูไม่มีอะไรดีพอ”
สรุปแล้ว ทั้งเด็กไทย เด็กฝรั่ง ก็เจอโชคชะตาแบบเดียวกัน หากถูกเลี้ยงดูมาแบบไม่ ‘พอดี’
มาปรับวิธีเลี้ยงใหม่ ปั้นใหม่ ปั้นให้ดีกันนะคะ ให้ลูกมีการมองอนาคตเชิงบวกเริ่มจากที่พ่อแม่ความพอดีใน “การควบคุม” ของพ่อแม่